เมื่อดาวเคราะห์น้อยมาชนโลกจะเป็นอย่างไร

ในอีก100ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเมื่อนักบินอวกาศไม่สามารถที่จะผลัดดันเอาดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้ออกไปได้และมันจะเป็นอย่างไรเมื่อมีดาวเคราะน้อยBENNUนั้นได้พุ่งเข้ามาชนโลกมนุษยชาติ

ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก

บรรดานักวิทยาศาสตร์จากทีนที่ปกป้องดาวเคราะห์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐหรือนาซ่ากำลังทำงานเพื่อวิธีที่จะหยุดยั้งเพื่อไม่ให้ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่ยักษ์พุ่งชนโลกในปีประมาณ1235หรือพุทธศักราช2678หรืออีกประมาณ117ปีข้างหน้าซึ่งมันอาจจะสร้างความเสียหายให้กับโลกมากอย่างมหาสารมีคนล้มตายและได้เสียชีวิตกันไปเป็นจำนวนมากและอาจจะเกิดผลกระทบอื่นๆจนทำให้สิ่งที่มีชีวิตบนโลก

จะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลดาวเคราะน้อยBENNUมีความกว้างประมาณ500เมตรหรือเท่ากับขนาดของสนามฟุตบอลประมาณ5สนามและมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ50,007กิโลกรัมโดยนักวิทยาศาสตร์ได้มีการระบุเอาไว้ว่าโอกาสที่ดาวเคราะห์น้อยBENNUจะพุ่งเข้ามาชนโลกในวันที่25กันยายน ปี1235นั้นอยู่ที่1/2,007

ซึ่งคาดว่าหากดาวเคราะห์น้อยBENNUพุ้งเข้ามาชนที่โลกจริงจะก่อให้เกิดพลังงานถึง1,200เมกะตันหรือจะคิดเป็นพลังงานที่มากกว่าของระเบิดนิวเคลียนที่สหรัฐใช้ทถ่มเมืองฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่สองถึง80,000เท่าและสำหรับในปัจจุบันด้านขององค์กรนาซ่าได้ส่งยานไปสำรวจไปที่ดาวเคราะห์น้อยBENNU

เพื่อที่จะได้ลงไปสำรวจตรงที่ดาวเคราะห์น้อยภายในประมาณกลางปี2020เพื่อที่จะไปสำรวจของขนาดองประกอบที่แท้จริงเพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการปฏิบัติการใดๆภายในอนาคตที่จะไม่ให้มันนั้นได้พุ่งเข้ามาชนโลก ซึ่งมันก็ได้เท่ากับว่าปัจจุบันเราได้อยู่ห่างจากดาวเคราะห์น้อยดั่งกล่าวประมาณ120ล้านกิโลกเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นการที่ได้นับถอยหลังในการต่อสู้กับดาวเคราะห์น้อยและนอกจากนี้แล้วก็ยังได้มีการวิจัยกันอย่างต่อเนื่องอีกทั้งยังระบุด้วยว่ายานอวกาศของนาซ่านั้น

มันได้ถูกออกแบบสำรวจสำหรับปฏิบัติการที่จะเข้าไปผลักดันดาวเคราะห์น้อยBENNUเพื่อให้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ได้เข้าสู่วงโคจรใหม่รวมไปถึงการทำร้ายดาวเคราะห์น้อยดวงนี้อีกด้วยด้วยอนุภาพของอาวุธนิวเคลียนและจากผลการวิจัยนั้นยังได้ชี้ว่ายานอวกาศของนาซ่านั้นจะไม่สามารถผลักดันดาวเคราะห์น้อยBENNUให้เปลี่ยนเส้นทางวงโคจรได้

หากว่ายาวอวกาศลำนี้ได้มีการถูกยิงขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศภายในอีกไม่กี่10ปีข้างหน้าก่อนจะถึงกำหนดวันที่ดาวBENNUเข้ามาชนโลกนับได้ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษยชาติเพื่อไม่ให้สำรอยของการสูญพันธุ์ของใดโนเสาร์นั่นเอง