หมวดหมู่: ข่าวสังคมทั่วไป

เหตุฆาตกรรมเพียงเพราะเงินจำนวน 500, 000 บาท

เหตุฆาตกรรมเพียงเพราะเงินจำนวน 500, 000 บาททำสามีฆ่าเมียและพี่เมียเสียชีวิต

              ที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งพบศพผู้หญิงจำนวน 2 คนเสียชีวิตภายในบ้านพัก โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงจุดเกิดเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองคนได้เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วันซึ่งทราบต่อมาว่าหญิงสาวทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันและผู้หญิงคนน้องเป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของบ่อกุ้งที่พบศพดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ได้พยายามหาตัวสามีของผู้เสียชีวิตแต่ไม่พบ เจอแต่กระดาษที่มีการเขียนบอกลูกเรื่องให้ดูแลกิจการให้ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าคนร้ายก็คือสามีของผู้เสียชีวิตนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามตามหาตัวแต่ยังไม่พบตัวคนร้าย

     ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้จากการสอบปากคำ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบรอบบ่อตกกุ้ง พบว่าผู้ตายและสามีที่คาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายได้มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับปัญหาการเงิน และกิจการที่ตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาการขาดทุน และคนร้ายยังมักจะทะเลาะกับพี่สาวของภรรยาซึ่งเป็นผู้ที่เสียชีวิตคนหนึ่งด้วย

โดยสาเหตุน่าจะมาจากที่คนร้ายมาได้มายืมเงินผู้ตายประมาณ 500, 000 บาทมาลงทุนเปิดกิจการบ่อตกกุ้งและทำธุรกิจสนุกเกอร์ แต่เนื่องจากตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศไม่ดีทำให้คนมาใช้บริการบ่อตกกุ้งและโต๊ะสนุกน้อยทำให้กิจการทั้งสองอย่างอยู่ในสภาวะกำลังขาดทุน  ทำให้คนตายที่เป็นพี่สาวได้ออกมาต่อว่าคนร้ายและมีการพูดจากทวงเงินกันขึ้น

จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้งและอีกเหตุผลที่สำคัญคือ เวลาที่คนร้ายทะเลาะกับภรรยาและจะมาง้อคืนดีกับภรรยา มักจะถูกพี่สาวของภรรยากีดกันตลอด โดยมักจะเอาเรื่องเงินมาขู่ไม่ยอมให้คนร้ายคืนดีกับภรรยาได้ โดยผู้ตายคนที่เป็นพี่สาว ไม่ค่อยชอบคนร้ายเพราะคนร้ายไม่ค่อยทำงาน ขี้เกียจ

    ชาวบ้านต่างก็มั่นใจว่าคนร้ายคือสามีของคนตายแน่นอนที่แทงทั้งภรรยาและพี่สาวภรรยาจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไปเพราะคนร้ายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแง  หัวร้อนหงุดหงิดง่ายอาจจะเกิดจากการที่พี่สาวด่าว่าบ่อยจนเกิดการทนไม่ไหว ทำให้มาก่อนเหตุฆ่าทั้งคู่เสียชีวิต โดยหลายคนยังเชื่อว่า คนร้ายอาจจะไม่ได้ตั้งใจฆ่าเมียตัวเอง ตั้งใจจะฆ่าเฉพาะพี่สาวเมียเท่านั้นแต่อาจจะเพราะเมียเข้ามาเห็นเหตุการณ์คนร้ายเลยต้องฆ่าเมียตัวเองด้วย

    ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวคนร้ายมาสอบสวนให้ได้ก่อนว่าสาเหตุเกิดมาจากเรื่องอะไรก็แน่ ถึงได้มาก่อเหตุในครั้งนี้  เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในพื้นที่มาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องรีบจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้เร็วที่สุด 

 

สนับสนุนโดย  next88

หนุ่มโพสต์ตัดพ้อโรงพยาบาล

หนุ่มโพสต์ตัดพ้อโรงพยาบาล แค่อยากตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตระเวนไปถึง 3 โรงพยาบาลกลับถูกปฏิเสธ

            ในสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักไปทั่วโลกอยู่แบบนี้ หากใครที่มีอาการป่วยนิดหน่อยก็มักจะระแวงว่าตัวเองจะติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ดังนั้นหลายคนคงอยากจะตรวจเช็คอาการของตัวเองให้แน่ใจ เพื่อที่หากติดเชื้อไวรัสมาจะได้รักษาได้ทันท่วงที แต่บางครั้งก็พบปัญหาโรงพยาบาลไม่ยอมตรวจให้ ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไม อย่างเช่นที่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้มีการโพสต์ตัดพ้อโรงพยาบาลผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวของตัวเองว่า  ตัวเขาเองรู้สึกแย่กับการที่มีการเดินทางไปติดต่อกับหลายโรงพยาบาลเพื่อขอให้ทางโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้

เพราะเกรงว่าจะมีการเชื้อ แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหน ยอมตรวจหาเชื้อไวรัสให้เลย ซึ่งชายหนุ่มได้มีการบอกเล่าเรื่องราวว่า สาเหตุที่ชายคนดังกล่าวอยากตรวจนั้นเพราะว่าเขาเริ่มรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งยังมีอาการที่เข้าข่ายของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะตัวเขาเองทั้งมีไข้ ทั้งไอและจาม รวมถึงเขาต้องทำงานที่มีการติดต่อสัมผัส อยู่ใกล้ชิดกับคนต่างประเทศอยู่เป็นประจำ และคนต่างประเทศที่เขาใกล้ชิดด้วยส่วนมากก็มาจากประเทศในกลุ่มเสี่ยงทั้งนั้น

แต่พอเขาเดินทางไปโรงพยาบาล ทั้งที่โรงพยาบาลของจังหวัดนครสวรรค์    โรงพยาบาลประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา และแม้แต่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในกรุงเทพก็ตาม ทุกโรงพยาบาลต่างก็ปฏิเสธทีจะตรวจหาเชื้อไวรัสให้กับเขา ทำให้เขาเริ่มรู้สึกท้อใจมาก ซึ่งเมื่อเขาสอบถามเหตุผลกับทางโรงพยาบาล ต่างก็บอกว่าต้องรอรหัสและอาการยังไม่ใช่อาการของคนที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวไปติดต่อต่างก็แนะนำให้เขากักตัวเองอยู่ที่บ้านเพื่อรอดูอาการก่อนเท่านั้น

             เมื่อโพสต์นี้เผยแพร่ออกมาทำให้คนในโลกโซเชียลต่างสงสัยว่าเหตุใดถึงไม่ยอมตรวจให้เพราะคนไข้ก็พร้อมที่จะเสียเงินเพื่อต้องการทราบอาการของตัวเองให้แน่นอนเพื่อความสบายใจ จะได้ไม่ต้องไปคอยผวา ว่าตัวเองจะมีการติดเชื้อหรือไม่ แต่หลายคนก็บอกว่าอาจจะเพราะทางโรงพยาบาลมีการซักประวัติเบื้องต้นแล้ว

เห็นว่ายังไม่เข้าข่ายที่จะติดเชื้อไวรัสก็ได้เลยไม่ได้ทำการตรวจให้ แต่อันที่จริงหากคนไข้ มีความประสงค์ที่จะตรวจ และเขายินดีที่จะเสียเงินในการตรวจคัดกรอง ทางโรงพยาบาลก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธ เพราะการติดเชื้อไวรัส ปัจจุบันไม่ได้เกิดจากที่เราจะต้องคลุกคลีกับชาวต่างชาติเท่านั้น ตอนนี้ใครใครก็สามารถติดเชื้อไวรัสและแพร่เชื้อไวรัสให้กับคนอื่นได้ทั้งนั้น  ดังนั้นเพื่อความสบายใจของประชาชนหากเขาต้องการตรวจก็ควรจะตรวจให้

 

สนับสนุนโดย  sagame

ยืนยันข้อมูลจากทางกรมอนามัย

หยุดลวกช้อนและส้อมในหม้อน้ำร้อนของศูนย์อาหารเพราะเสี่ยงติดเชื้อไวรัส

     มีกันออกมายืนยันข้อมูลจากทางกรมอนามัยเกี่ยวกับเรื่องที่หลายคนเคยสงสัยกันว่าการที่เรานำช้อนไปลวกในหม้อน้ำร้อนที่ทางศูนย์อาหารมีการวางไว้ให้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่โดยส่วนใหญ่มองว่าการลวกช้อนในน้ำร้อนคือการฆ่าเชื้อโรคอย่างหนึ่งแต่อีกหลายคนก็ออกมาบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะแทนที่จะเป็นการฆ่าเชื้อโรคกลับเป็นการเพิ่มเชื้อโรคเข้ามามากกว่าเนื่องจากว่ามีหลายคนที่ใช้ช้อนแล้วมารวบรวมกันซึ่งทำให้บางครั้งอาจจะนำมาของการติดต่อของเชื้อโรคก็เป็นได้

โดยทางกรมอนามัยได้ออกมาชี้แจงว่าการที่น้ำร้อนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้นั้นจะต้องมีความร้อนสูงถึง 80 และ 90 องศาและต้องใช้เวลาในการลวกนานประมาณ 4 นาทีเป็นต้นไปดังนั้นการที่เราแค่นำช้อนมาจุ๋มน้ำร้อนแล้วเอาขึ้นจึงไม่ใช่วิธีการที่จะเป็นการฆ่าเชื้อโรคได้

     นักข่าวได้มีการเข้าไปสอบถามกับทางกรมอนามัยกับเรื่องราวที่กำลังมีการแชร์อยู่ในขนาดนี้เกี่ยวกับการลวกช้อนและซ่อมในหม้อน้ำร้อนที่มีการตั้งเอาไว้ตามศูนย์อาหารทั่วไปโดยมีการนำมาพูดกันว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนติด เชื้อโรคมากกว่าที่จะเป็นการฆ่าเชื้อโรคซึ่งทางกรมอนามัยก็ออกมายืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงเนื่องจากว่าจากการสำรวจที่ทางกรมอนามัยลงไปเช็คตามศูนย์อาหารจะพบว่าทางศูนย์อาหารมักจะมีการต้มน้ำร้อนไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 40 ถึง 50 องศาเท่านั้น

ซึ่งความร้อนขนาดนี้จะไม่สามารถที่จะทำลายหรือฆ่าเชื้อโรคได้ดังนั้นการที่ประชาชนนำช้อนไปลวกในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิแค่เพียง 40 องศาจึงไม่ใช่การฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสแต่อย่างใดซึ่งอุณหภูมิความร้อนที่ถูกต้องที่จะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื่อไวรัสได้นั้นควรจะอยู่ที่ 80 ถึง 90 องศาเป็นต้นไป

และจะต้องนำช้อนรวกแชทค้างไว้ประมาณถึง 4 นาทีถึงจะเป็นการฆ่าเชื้อโรคได้แต่ในขณะเดียวกันที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นการแค่จุ๋มแล้วเอาขึ้นเท่านั้นสรุปผมก็แค่40 องศาซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้เชื้อโรคตายได้และยิ่งต้มน้ำนานเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเชื้อโรคมีปริมาณมากขึ้นเท่านั้นและหากเรานำช้อนไปจุ๋มก็เท่ากับเราเอาเชื้อโรคเข้ามาไว้ในร่างกายซึ่งทำให้เกิดปัญหาของโรคท้องร่วงตามมาได้ซึ่งหากใครต้องการที่จะรวบช้อนในน้ำร้อนเพื่อต้องการฆ่าเชื้อโรคนั้นคุณจะดูได้ว่าน้ำร้อนนั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 80 องศาหรือไม่และต้องลวกให้นานถึง 4 นาทีขึ้นไปจึงจะทำให้ร่างกายปลอดภัยจากเชื้อโรค