หมวดหมู่: สังคมทั่วไป

ถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ

ยุคนี้ถือเป็นยุคโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนมากมายเวลาไปไหนก็จะมีการอัพโหลดรูปภาพอยู่เสมอ และในยุคที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟน ทำให้การถ่ายรูปโดยสมาร์โฟนจึงเป็นเรื่องที่ง่าย แต่บางครั้งการถ่ายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เพราะเราอาจจะขาดทักษะการถ่ายรูปก็ได้ มาดูกันว่าการถ่ายรูปโดยโทรศัพท์มือถืออย่างไรให้สวย

การถ่ายรูปให้สวยด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือก็จะมีทริคหรือเทคนิคในการถ่ายเพียงเล็กน้อย โดยทริคต่างๆถ้าหากเรานำไปปรับใช้แล้วนั้นก้จะทำให้เราได้รูปที่แบบว่าเหมือนมือโปรถ่ายให้เลยทีเดียว 

การเลือกถ่ายรูปกบแสงธรรมชาติ โดยการเลือกแสงธรรมชาติที่สวยๆเน้นไปที่แสงแดดตามช่วงเวลาต่างๆ ไม่ควรถ่ายในห้องหรืออาหาร เพราะจะไม่ได้แสงที่เราต้องการ และแสงธรรมชาติที่ว่านี้จะแบ่งออกเป็นสองช่วงคือ ช่วงเวลา 9-11 โมง ในช่วงเวลานี้นั้นจะได้แสงธรรมชาติและเป็นช่วงที่แสงแดดกำลังดีมาก ซึ่งถ้าหากเป็นช่วงเทียงนั้นจะไม่ดีเพราะว่าแสงแดดจะตกลงที่หัวเราจะทำให้หน้าเราไม่โดยแสงและถ่ายรูปออกมาไม่สวยนั่นเองและอีกช่วงเวลาคือช่วงเวลา 4-5 โมงเย็น โดยช่วงเวลาเหล้านี้จะสวยเพราะว่าแสงจะกระทบหน้าและมีความเปล่งประกาย

การสร้างกรอบในภาพ วิธีการสร้างกรอบคือ การลองใช้โทรศัพท์โดยโทรศัพท์จะมีการแสดงกรอบและเราก็ดูว่า เราต้องการจะแสดงอะไรในรูปนั้นบ้างและมีการปรับมุมโดยการหันซ้ายหันขวาหรือเอียงโทรศัพท์ตามมุมต่างๆดูว่ามุมมันต้องประมาณไหนหรือจะเป็นการสร้างกรอบให้กับคน คือการยืนอยู่ตรงกรอบหน้าต่างหรือกรอบประตู ช่วยให้ตัววัตถุหรือตัวคนมีความโดดเด่นมากขึ้น

การวางภาพในจุดตัดในตาราง 9ช่อง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการจัดองค์ประกอบในภาพที่ดีมากๆ โดยตารางนั้นจะมีจุดตัดทำให้เรารู้ว่าจะสามารถวางวัตถุตรงไหน โดยถ้าเรามีการวางภาพระหว่างจุตัดก็จะทำให้ภาพนั้นดูโดดเด่นและดูมีอะไรนั่นเอง

การเพิ่มความสูงด้วยการถ่ายแบบปลายเท้าชิดขอบ โดยการให้เท้าของคนที่เราถ่ายนั้นอยู่ชิดขอบด้านล่างโทรศัพท์มากที่สุด เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ขาดูยาวเรียวและดูสูงขึ้นได้ โดยทริคนี้นั้นแนะนำหนุ่มๆ เผื่อจะได้มีการไปถ่ายสาวๆ สาวๆจะได้ประทับใจด้วย

การเลือกสีเสื้อผ้าให้เข้ากับสถานที่ เป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเราควรมีการทำการบ้านหากว่าเราจะไปที่ไหนเราต้องดุว่าที่ที่เราจะไปโทนสีประมาณไหนและเราควรใส่เสื้อผ้าสีประมาณไหนดี เช่นถ้าไปคาเฟ่สีน้ำตาล เราควรใส่สีขาวเพื่อให้ตัวเราดูโดดเด่นนั่นเอง

และทั้งหมดนี้คือทริคที่ใช้ในการถ่ายรูปโทรศัพท์ด้วยมือถือ รับรองว่าถ้าทำตามถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอนและเอาไปอวดบนโซเชียลคนกดไลด์รัวๆแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยฮานอยออนไลน์

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะเรียนหมอ

ในบางครั้งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการเลือกเรียนสิ่งไหนเป็นอย่างไรและเมื่อเรานั้นเลือกเรียนแล้วเราจะสามารถเรียนได้อย่างเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่ ดังนั้นแล้วไม่ว่าก่อนจะเลือกเรียนต่ออะไรควรจะเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบและอยากที่จะเป็นเพราะเมื่อเราชอบสิ่งที่เราเลือกแล้วนั้นต่อให้สิ่งที่จะเจอในอนาคตยากเพียงใด เราก็จะสามารถมีความสุขกับมันได้นั่นเอง

การเรียนหมอนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งแรกๆที่เด็กคิดเพราะเนื่องจากรู้ๆกันอยู่แล้วว่าอาชีพหมอนั้นถึงแม้จะต้องแลกด้วยเวลาแต่ผลตอบแทนในการเป็นหมอนั้นค่อนข้างไปทางสูงมากเลยทีเดียว และก่อนที่จะเรียนหมอนั้นก็จะต้องมีสิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้อยู่หลักๆก็คือ การเรียนหมอนั้นจะต้องเรียนอย่างหนักมากๆ ซึ่งในบางครั้งการเรียนหนักก็อาจจะเป็นแทบทุกๆคณะหรือสาขา เพราะในช่วงการเรียนมหาลัยนั้นมันเป็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างช่วงมัธยมไปอยู่ในช่วงมหาลัยนั่นเองก็คือเป็นวัยที่เราจะต้องมีการรับผิดชอบตัวเองและเป็นคนที่สามารถโตขึ้นและช่วยเหลือตัวเองได้นั่นเอง

และการเรียนหมอนั้นจะมีความหนักที่แตกต่างจากการเรียนคณะอื่นก็คือในช่วงที่อยู่ปีสองนั้นจะต้องมีการเรียนในเรื่องของสรีระวิทยาและส่วนประกอบของกล้ามเนื้อในร่างกายต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อมีการเรียนในส่วนของกล้ามเนื้อมือนั้นซึ่งมีหลายส่วนและหลายมัดมากๆ เราก็จะต้องไปท่องเพื่อให้จำได้ เพราะในวันต่อไปนั้นอาจารย์ก็จะสอนเรื่อของกล้ามเนื้อในส่วนอื่นๆต่อไป

และจะต้องมีการทำแบบนี้วนไป เพื่อที่จะสามารถจำกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายนั่นเอง และถ้าหากเรานั้นไม่มีการอ่านหรือท่องจำหนังในทุกๆวันนั้นก็จะทำให้เราไม่มีข้อมูลที่เป็นพื้นฐานเพื่อที่จะเรียนนู้เรื่องอื่นๆต่อไปนั่นเองดังนั้นการเรียนหมอนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆนั่นเอง 

การเรียนในช่วงปีสามนั้นก็จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคและการเกิดเชื้อโรคต่างๆสำหรับผู้ที่เรียนหมอนั้นก็จะต้องสามารถท่องชื่อซึ่งชื่อของเชื้อโรคต่างๆนั้นก็เป็นศัพท์เฉพาะที่มีความยาวมากและรู้ว่าเชื้อตัวนี้นั้นเป็นอันตรายหรือมีลักษณะอย่างไรนั่นเอง และเมื่อถึงปีสี่ก็เป็นเวลาที่นักศึกษาหมอนั้นจะต้องเจอคนไข้จริงๆหรือการออกภาคสนามที่เรียกว่าการไปราวคนไข้นั่นเอง ซึ่งเวลาในการไปเจอคนไข้จริงๆนั้นก็เป็นเวลาที่ไม่แน่นอนซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแต่ละแผนกนั่นเอง

ที่เวลาในการเข้าราสคนไข้ที่ไม่แน่นอนนั้นเกิดจากการที่ต้องไปช่วยอาจารย์หรือคนที่เป็นหมอแล้วนั้นผ่าตัดหรือช่วยคนไข้นั่นเอง และในช่วงปีห้าถึงปีหกนั้นก็จะต้องมีการอยู่เวรเปรียบเสทอนการทำงานจริงๆนั่นเอง จะเห็นได้ว่าการเรียนหมือนั้นเป็นการเรียนที่หนักมากและไม่ใช่การเรียนเพียงอย่างเดียวรวมไปถึงการปฏิบัติงานจริงด้วยนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  entaplay mobile

แฟชั่นเกาหลี

แฟชั่นในยุคนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ที่คนเราให้ความสำคัญจากเมื่อก่อนอยากมาก จากที่ดูแฟชั่นสมัยก่อนนั้นหากมีแฟชั่นใดแฟชั่นหนึ่งก็จะเป็นแฟชั่นที่ค่อนข้างมีความฮิตและมีการทำตามกันเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนานแต่ในสมัยนี้นั้นแฟชั่นเป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก มีการคิดค้นหรือดัดแปลงจากผู้เชี่ยวชายด้านวงการแฟชั่นให้แปลกใหม่และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และวงการแฟชั่นเกาหลีถือว่าเป็นวงการแฟชั่นที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะเป็นแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนไปตลอดเวลาและก็มีการวนกลับมาซ้ำๆด้วย

แฟชั่นเกาหลีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากยุคสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นด้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมไปถึงแฟชั่นด้านเครื่องสำอางด้วย และวงการแฟชั่นเกาหลีค่อนข้างให้ความใส่ใจในด้านการผลิตสิ่งต่างๆด้านฟั่นออกมาอย่างมากๆ โดยแต่ละอย่างที่ทำการผลิตนั้นจำคำนึงถึงผู้ซื้อแหรือลุกค้ามากๆนั่นเองจะมีการตรวจสอบและติดตามผลด้วยว่าสิ่งที่ลูกค้าได้รับนั้นมีความพึงพอใจหรือไม่ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในวงกาแฟชั่นเลยทีเดียว เพราะถ้าหากลุกค่านั้นไม่พึงพอใจในสินค้าก็จะสามารถทำให้เราแก้ไขและปรับปรุงตัวสินค้าได้ไวและสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในอนาคตได้นั่นเอง

ซึ่งแฟชั่นเกาหลีส่วนมากจะเป็นแฟชั่นที่ไม่เน้นความหวือหวามากนักจะเน้นไปทางโทนสีเรียบๆ และสามารถนำมาใส่ได้ทุกวันและสามารถใส่ไปได้ทุกที่ด้วยถึงแม้งแม้ว่าแฟชั่นจะเป็นสไตล์โทนสีเรียบๆแต่ก็ทำให้วงการแฟชั่นเกาหลีนั้นเป็นที่จับตามองจากทั่วโลกมากๆเลยทีเดียว ด้วยการนำโทนสีเรียบๆมาทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ เมื่อมีการนำมาผสมผสานในการแต่งตัวแล้วนั้นก็ถือว่าเป็นแฟชั่นที่น่ามองมากๆเลยทีเดียว นอกจากแฟชั่นเรื่องเสื้อผ้าเครื่องประดับแล้วนั้นก็จะมีแฟชั่น

ในเรื่องเครื่องสำอางค์การแต่งหน้าทำผมต่างๆ ที่ชาติต่างๆรวมถึงคนไทยหลายคนจำต้องเลียนแบบหรือทำตามเพราะมีความสวยงามและแปลกใหม่อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การแต่งหน้าสไตล์เกาหลี ก็ถือว่าเป็นแฟชั่นของด้านเครื่องสำอางเพราะเครื่องสำอางของเกาหลีนั้นจะไม่เหมือนเครื่องสำอางของชาติอื่นทำให้คนชาติอื่นจึงต้องยอมที่จะซื้อเครื่องสำอางของเกาหลีนั่นเอง ทำให้แฟชั่นในเรื่องการแต่งหน้าและแฟชั่นเครื่องสำอางคือได้รับความนิยมและทำยอดขายได้อย่างมากมายเลย

แฟชั่นเกาหลีมีความโดดเด่นอีกเรื่องหนึ่งก็คือการทำสินค้าขึ้นมาโดยผุ้ทีทำด้านแฟชั่นส่วนมากในเกาหลีนั้นจะเป็นคนออกแบบและคิดค้นสิ่งต่างๆด้วยตัวเองและบางครั้งการผลิตต่างๆก็มีการใส่ใจอย่างมากและนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมแฟชั่นเกาหลีจึงรับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกและแฟชั่นเกาหลียังถือว่าเป็นแฟชั่นแถวหน้าของโลกด้วย

 

สนับสนุนโดย  betbb

แรงงานเถื่อนในเกาหลี

ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ30กว่าปีที่แล้ว แรงงานชาวไทยเริ่มมีการหลังไหลเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากค่านิยมของคนเกาหลีใต้นั้นมักจะมีการเข้าทำงานตามบริษัทหรือองค์กรที่มีขนาดใหญ่และสถานที่ที่ทันสมัย ส่งผลให้สถานประกอบการหรือองค์กรที่มีกลางและขนาดเล็ก ได้รับผลกระทบและมีปัญหาในการขาดแคลนรงงานจำนวนมาก

งานส่วนใหญ่ที่มีความต้องการแรงงานชาวไทยเข้าไปทำนั้นก็คือ งานที่เป็นงานประเภทยากลำบากต้องใช้ความอดทนอย่างมาก งานที่ค่อนข้างมีความสกปรก และงานที่มีการเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านเกษตรกรรม งานที่ต้องใช้แรงในการขุดดินถางหญ้าตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น งานก่อสร้างที่ต้องไปยืนในท่ามกลางแดดร้อนหรืออากาศหนาวๆ งานหลอมโลหะขนาดใหญ่ที่ต้องใช้จำนวนแรงงานหรือใช้แรงจำนวนมากในการทำ 

รายได้ในการในการทำงานของแรงงาชาวไทยนั้นจะอยู่ที่ 30,000-40,000บาท

เนื่องจากจำนวนเงินของรายได้นั้นดูเหมือนจะมีมูลค่ามากกว่าการทำงานในประเทสไทย ทำให้คนที่เคยไปเป็นแรงงานไทยในเกาหลีใต้นั้นเมื่อได้กลับมาก็มีการไปชักชวนคนอื่นหรือคนรู้จักไปทำงานในเกาหลีใต้ด้วยนั่นเอง และในช่วงหลัง10ปีหลังจากเริ่มมีการไปทพะงานของแรงงานชาวไทยเป็นจำนวนมากแล้วนั้น รัฐบาลเกาหลีใต้จึงมีความเห็นชอบและใช้ระบบอนุญาติในการทำงาน โดยมีความเห็นชอบและอนุญาติให้15ประเทศ สามารถส่งแรงงานให้ไปทำงานที่ประเทสเกาหลีใต้ได้นั่นเอง โดยมีประเทศไทยได้เป็นประเทศที่ได้รับอนุญาตด้วย และยังคงเป็นกระแสอย่างมากในการชักชวนคนอื่นๆหรือคนรู้จักเพื่อไปทำงานยังประเทศเกาหลีใต้

โดยอ้างว่ามีรายได้ที่ดี และบวกกับรัฐบาลทั้งสองประเทศคือประเทศเกาหลีใต้และประเทศไทยนั้นได้มีการตกลงและยกเว้ในการตรวจตราในการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา90วัน ทำให้คนที่ไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้นั้นสามารถใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ได้เป็นระยะเวลา90วันโดยไม่ต้องมีการทำหรือขอวีซ่าในการที่จะไปเกาหลีใต้นั่นเอง

สิ่งเหล่านี้นั้นจึงเป็นช่องว่างที่ทำให้คนไทยนั้นเกิดการลักลอบในการเข้าไปเป็นแรงงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมายนั่นเอง และปัญหาที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบกับแรงงานชาวไทยในเกาหลีใต้นั้น ก็คือ การติดต่อสื่อสารโดยแรงงานส่วนใหญ่ที่ได้ลักลอบไปใช้แรงงานนั้นส่วนใหญ่แล้วจะฟังและพูดภาษาเกาหลีไม่ได้เลย หรือบางคนอาจจะไม่สามารถปรับตัวและร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เนื่องจากอากาศในประเทศเกาหลีใต้นั้นจะหนาวมากและบางครั้งเจอการใช้แรงงานที่หนักเกินไปก็เลยทำไม่ไหวและไม่สามารถเปลี่ยนงานได้จึงทำให้ต้องทิ้งงานนั้นและหนีไปทำงานอื่นและกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  entaplay link

การแต่งตัวผู้ชายในงานสำคัญ

การแต่งตัวถือเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกร่างกายและเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยและLife style คนๆนั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นผู้ชายที่มีการแต่งตัวดูเนี๊ยบเสื้อผ้านั้นมีความเรียบร้อยและสะอาดอยู่ตลอดเวลาแน่นอนว่าผู้ชายที่แต่งตัวในลักษณะนี้นั้นจะค่อนข้างเป็นผู้ชายที่มีความเรียบร้อยและให้ความสำคัญในการแต่งตัวนั่นเอง

หรือผู้ชายที่แต่งตัวเซอร์ก็อาจจะบอกได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยและรักในการแต่งตัวสบายเป็นต้น ต้นที่กล่าวมานั้นอาจจะไม่ได้ตรงกับลักษณะนิสัยของผู้ชายทั้งหมดแต่การแต่งตัวนั้นก็สามารถคาดเดาได้ว่าผู้ชายคนนั้นมีลักษณะอย่างไรนั่นเอง

นอกจากนี้การแต่งตัวของผู้ชายงานสำคัญต่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ถึงแม้ผู้ชายในแต่งละคนนั้นจะมีการแต่งตัวหรือความชอบในการแต่งตัวที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าหากต้องออกงานสำคัญหรือต้อมีการเข้าร่วมพิธีการที่สำคัญนั้นการให้ความสำคัญในเรื่องการแต่งตัวจึงสำคัญอย่างมากและการแต่งตัวของผู้ชายในงานสำคัญนั้นก็จะแบ่งออกเป็นงานสำคัญคืองานงานแต่งงานทั้งผู้ชายที่เป็นคนแต่งงานและผู้ชายที่เข้าร่วมงาน สำหรับการแต่งตัวของผู้ชายที่เป็นคนแต่งงานนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะในวันสำคัญนี้นั้นเราจะต้องดูดีที่สุดในงาน

การแต่งตัวส่วนใหญ่แล้วผู้ชายที่แต่งงานนั้นก็จะเน้นในการใส่ชุดสูทซึ่งชุดสูทนั้นก็มีมากมายหลายแบบแต่ที่นิยมใส่กันนั้นก็คือ ชุดสูทเข้ารูปเพราะจะช่วยทำให้หุ่นของผู้ชายนั้นดูเฟิร์มนั่นเอง ส่วนสีสูทนั้นที่นิยมจะเป็นสีดำ ขาว น้ำงาน แดง เป็นต้น ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้ชายคนนั้น ส่วนด้านในนั้นก็จะเน้นการใส่เสื้อเชิ้ตซึ่งเสื้อเชิ้ตนั้นก็จะเน้นเป็นสีขาวหรือสีตามสูทก็ได้

แต่อาจจะต้องระวังในการเลือกเสื้อเชิ้ตด้านในนิดนึงต้องเลือกสีที่ไม่เด่นเกินสูทด้านนอกนั่นเอง และกางเกงนั้นจะเน้นเป็นกาเกงสแล็คที่สีเดียวกับสูทเพื่อให้มีความเข้าชุดและสีไม่โดดออกจากกันและที่สำคัญคือโบว์หูกระต่ายก้จะต้องเลือกสีเข้ากับชุดหรืออาจจะเลือกสีที่โดดออกจากสีชุดก็ได้ เช่น ใส่สูทดำกางเกงดำก็อาจจะเลือกเป็นโบว์สีแดง เป็นต้น

และสำหรับผู้ชายที่เข้าร่วมในงานแต่งงานนั้น ก็สามารถเลือกแต่งตัวเป็นชุดสูทได้แต่แนะนำให้เป็นสีดำมากกว่าสีอื่นเพื่อไม่ให้เกิดการโดดเด่นกว่าเจ้าของงานนั่นเอง และสำหรับคนที่ไม่มีสูทหรืออาจจะไม่ชอบใส่สูทก็สามารถใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแล็คสีดำก็ได้ แต่เสื้อเชิ้ตนั้นควรเลือกเป็นสีที่เหมาะสมหรือสีที่เข้ากับธีมของงานแต่งนั้นๆ เช่น สีขาว ชมพู สีฟ้า เป็นต้น ไม่ควรใส่เสื้อเชิ้ตสีดำเพราะเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของงานนั่นเอง

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน หวย

รปภ. กราดยิงรถทนายความแล้ว จัดฉากว่ามีการขโมยปาร์ม

         วันที่ 17 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมีเหตุยิงกันเกิดขึ้นภายในสวนปาล์มแห่งหนึ่งที่จังหวัดกระบี่โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบว่ามีร่องรอยกระสุนปืนประมาณเกือบ 30 นัดตกอยู่ในที่เกิดเหตุและมีรถกระบะ 2 คันจอดอยู่ซึ่งสภาพของรถกระบะนั้นถูกกระสุนปืนยิงกระจกแตกได้รับความเสียหายอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี

ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในรถกระบะทั้ง 2 คันแต่เป็นชาวบ้านที่ไปซื้อของและกำลังจะเดินทางกลับบ้านบังเอิญผ่านมาตรงเส้นทางดังกล่าวพอดีเป็นจังหวะที่กำลังมีการยิงกันจึงทำให้ถูกลูกหลงถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขา   สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทางด้านผู้เสียหายซึ่งเป็นทนายความชื่อว่านายชูวงษ์ได้มีการเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นเขาได้มีการนัดกับนางสาววงเดือนให้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน

เพื่อจัดสรรปันส่วนเนื่องจากว่าที่ดินบริเวณนี้มีปัญหาเรื่องของการแก่งแย่งที่ดินกันระหว่างนายทุนและชาวบ้านตัวนายชูวงษ์เองซึ่งเป็นตัวแทนของชาวบ้านได้มีการมาพูดคุยเพื่อที่จะได้มีการยื่นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งที่ดินให้กับชาวบ้านเอาไว้ใช้ทำมาหากินโดยตลอดระยะเวลาที่รับทำคดีนี้ให้กับชาวบ้านนั้น ทนาย ชูวงศ์ ยังบอกอีกด้วยว่าตนเองนั้นถูกข่มขู่จากกลุ่มนายทุนมาตั้งแต่รับทำคดีนี้ช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วซึ่งในวันดังกล่าวที่เกิดเหตุนั้นตนเอง

ได้นำรถกระบะมาแต่ไม่กล้าที่จะนั่งรถของตนเองจึงได้นั่งรถกระบะอีกคันหนึ่งและให้คนขับรถนั้นขับรถกระบะของตนเองตามหลังเมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีผู้ชายคนหนึ่งยืนขวางบริเวณหน้ารถและได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาซึ่งกระสุนปืนทำให้กระจกแตกตนเองจึงได้ให้คนขับรถนั้นขับฝ่าหนีออกไปได้ส่วนลดอีกคันนึงนั้นได้ยินเสียงว่ามีการยิงประมาณเกือบ 20 นัดด้วยกันซึ่งหลังจากนั้นพบว่าทั้งคนขับรถทิ้งรถแล้วหลบหนีออกมาจึงไม่ได้เป็นอันตรายอะไรหลังจากนั้นพบว่ากลุ่มคนที่มายืนยิงถล่มรถนั้นพากันนำปาล์มมาโยนใส่ไว้ท้ายรถกระบะโดยทนายชูวงศ์เชื่อว่าน่าจะเป็นการจัดฉากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

เชื่อว่าเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นนั้นเพราะชาวบ้านคิดว่าทนายชูวงศ์นั้นมาขโมยปาร์ม อย่างแน่นอน ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 1 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับการรับซื้อปาล์มด้วยเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาออกปฏิบัติงานตามปกติและพบว่ารถ 2 คันนั้นกำลังขโมยลูกปาล์มออกจากพื้นที่เขาจึงได้ทำการยิงสกัดเอาไว้แต่อย่างไรก็ตามนั้นทางด้านชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ร่วมกับทนายได้มีการออกมาเป็นพยานว่าทนายความนั้นไม่ได้มีการขนปาล์มอย่างแน่นอนจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกำลังทำการตรวจสอบอยู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการจัดฉากจากนายทุนเพื่อหวังใส่ร้ายทนายชูวงศ์

 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ดีที่สุด pantip

ปัญหาเพื่อนบ้านหากไม่ได้แก้ไขก็จะยิ่งลุกลามมากยิ่งขึ้น

         ปกติแล้วในหมู่บ้านใหญ่ๆนั้นมักจะมีการทำลายหมู่บ้านเพื่อให้ลูกบ้านนั้นสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากทางนิติบุคคลของหมู่บ้านได้ซึ่งจริงๆแล้วในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่ในหมู่บ้านใหญ่ๆอย่างเดียวแต่รูปบ้านกลุ่มประเภทคอนโดเองก็ต้องมีหลายหมู่บ้านเอาไว้ติดต่อสื่อสารกันเช่นเดียวกันสำหรับเรื่องราวที่จะพูดถึงเองตอนนี้ก็คือการอยู่ร่วมกันในสังคมของหมู่บ้านและคอนโด

ซึ่งถ้าหากหมู่บ้านไหนหรือคอนโดไหนลูกบ้านนั้นรักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกันช่วยเหลือกันก็จะทำให้หมู่บ้านน่าอยู่และแน่นอนว่าความเจริญของหมู่บ้านจะตามมาแน่นอนแต่ในขณะเดียวกันถ้าลูกบ้านในหมู่บ้านนั้นต่างก็พยายามทะเลาะเบาะแว้งกันแก่งแย่งชิงดีกันหรือประชันกันก็จะส่งผลต่อหมู่บ้านเช่นเดียวกันว่าหมู่บ้านนั้นจะพัฒนาได้ช้าหรือแทบจะไม่พัฒนาเลยเนื่องจากว่าลูกบ้านไม่มีความปรองดองกันนั่นเองส่วนใหญ่ปัญหาที่พบนั้นก็จะมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการที่เพื่อนบ้านนั้นนำรถมาจอดหน้าบ้านของคนอื่น

โดยไม่ใช่ไม่มีความเกรงใจหรือการที่เพื่อนได้นั้นมีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้วปล่อยให้มาฉี่อึหน้าบ้านของคนอื่นหรือเป็นที่อื่นตามที่สาธารณะในหมู่บ้านแล้วเจ้าของสุนัขหรือแมวไม่ยอมเก็บก็จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้อย่างที่เป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันของคนในหมู่บ้านก็คือเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บขยะ

เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าแต่ละหมู่บ้านก็จะต้องมีการจ้างรถขนขยะไปทิ้งแต่ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยเองก็ได้มีแนวความคิดที่จะนำวิถีการเก็บขยะของชาติตะวันตกมาใช้งานไม่ได้คือการกำหนดเกี่ยวกับเรื่องของวันว่าวันไหนจะมาเก็บขยะเกี่ยวกับอะไรซึ่งทำให้คนในหมู่บ้านนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องของขยะล้นถังเพราะคนไทย

ส่วนใหญ่นั้นการทิ้งขยะนั้นจะเป็นการทิ้งขยะรวมโดยปกติแล้วคนไทยจะไม่แยกว่าขยะรีไซเคิลได้หรือไงเข้าไม่ได้คนที่จะไปทำการแยกนั้นจะต้องเป็นพนักงานเก็บขยะนั่นเองซึ่งล่าสุดที่พบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนบ้านทะเลาะกันนั่นก็คือมีการนำถุงขยะมาทิ้งไว้หน้าบ้านแม้ว่าจะเป็นการทิ้งที่หน้าบ้านของตนเอง

ก็ทำให้หมู่บ้านนั้นดูไม่มีความสวยงามและที่สำคัญยังพบว่าการที่เรานำถุงดำที่ใส่ขยะมาทิ้งไว้หน้าบ้านนั้นจะทำให้สุนัขหรือแมวจรจัดที่ไม่มีเจ้าของมากัดถุงดำเสื้อเขียวหาอาหารและนั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้นเพราะว่าเพื่อนบ้านก็จะมีการทะเลาะกันเนื่องจากกลิ่นของขยะนำไปรบกวนเพื่อนบ้านกันเองดังนั้นปัญหาเพื่อนบ้านทะเลาะกันนั้นจริงๆแล้วมันมีทางออกเสมอแต่ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันไม่เห็นแก่ตัวฉะนั้นเพื่อนบ้านก็จะดูร่วมกันได้อย่างมีความสุขนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  dewabet

ตำรวจฉาวอีกแล้วตั้งด่านตรวจฉี่เรียกเก็บเงิน 40,000 บาท

ตำรวจฉาวอีกแล้วตั้งด่านตรวจฉี่เรียกเก็บเงิน 40,000 บาทเจ้าอาวาสแฉลูกศิษย์โดนยัดคดีฉี่ม่วง

             สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องราวที่เจ้าอาวาสแห่งหนึ่งซึ่งเป็นพระที่อยู่ในวัดป่าของจังหวัดมุกดาหารได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนแทนลูกศิษย์ลูกหาของพระอาจารย์เองโดยเจ้าอาวาสท่านนี้ได้กล่าวว่าต้องการให้ทางสื่อนั้นช่วยดูแลและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องของคดียาเสพติดคดีหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์เองนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านและขอตรวจฉี่ซึ่งเมื่อผ่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์ไปทำการตรวจฉี่แล้วผลปรากฏว่าฉี่ออกมาเป็นสีม่วงทั้งที่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์นั้นยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อก่อน 

หลังจากนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการเสนอขอยุติคดีให้เพียงแต่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์จะต้องมีการจ่ายเงินค่าปิดคดีนี้เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาทเส้นหลังจากที่ลูกศิษย์คนดังกล่าวนั้นทราบว่าตนเองต้องเสียเงินฟรี 4,000 บาทก็ไม่พอใจจึงมาเล่าเรื่องดังกล่าวให้พระอาจารย์ได้ฟังหลังจากนั้นพระอาจารย์จึงรีบได้นำตัวลูกศิษย์นั้นไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจฉี่อีกครั้งหนึ่งปรากฏว่าฉี่ไม่มีสีม่วงทำให้พระอาจารย์นั้น ได้มีการไปแจ้งกับทางผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจทีมดังกล่าวโดยบอกว่าให้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจกลุ่มนั้น

เนื่องจากว่ามีพฤติกรรมที่สงสัยว่าจะยัดคดีให้กับประชาชนซึ่งหลังจากที่พระอาจารย์ไม่มีการไปร้องเรียนกับผู้บัญชาการของนายตำรวจแก๊งนั้นปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบย่องเข้ามาขอเจรจากับพระอาจารย์ไม่ให้เรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นข่าวใหญ่โตซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทางด้านลูกศิษย์คนที่ถูกใส่ร้ายว่ามีฉี่สีม่วงนั้นเป็นชายฟังคนอายุ 46 ปี 1 คนและอายุ 63 ปี 1 คน

ซึ่งทั้งสองคนนั้นได้ขับรถพาญาติมาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าขณะขับรถกลับบ้านปรากฏว่ามีด่านตรวจโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 คนตั้งด่านอยู่และบังคับพาไปตรวจฉี่ที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นก็ออกมาบอกว่าเป็นฉี่ม่วงและเรียกร้องเงิน 40,000 บาทซึ่งทั้งสองคนก็ได้บอกตำรวจไปว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่มีการกินยาเกี่ยวกับเรื่องของโรคเก๊าท์และโรคความดันแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยืนยันจะขอเงิน 40000 บาทหลังจากนั้นก็ได้มีการต่อรองกันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าชายทั้งสองคนนั้นไม่มีเงินมากพอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกเก็บอยู่ที่ 15,000 บาท

ซึ่งมีการจ่ายเงินไปแล้วในวันที่ 21 เดือนมีนาคมช่วงเวลาประมาณ 21:00 นโดยการจ่ายเงินกันบริเวณข้างโรงพักไม่ได้มีการเสียค่าปรับการบนโรงพักแต่อย่างไรก็ตามที่พระอาจารย์ได้ออกมาร้องเรียนแทนลูกศิษย์นั้นก็เพราะว่าผลการตรวจของ 2 โรงพยาบาลนั้นไม่เหมือนกันเพราะโรงพยาบาลที่ตำรวจพาไปนั้นบอกฉี่สีม่วงแต่พอไปตรวจเองนั้นกลับไม่พบฉี่สีม่วง

จึงเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะต้องการยัดยาเพื่อต้องการเรียกเงินและเมื่อมีการแจ้งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจทั้ง 6 คนก็เรื่องเงียบและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อกลับมาเพื่อขอเจรจาจึงกลัวว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมและอาจจะมีการไต่สวนการล่าช้าจึงได้ติดต่อมาร้องสื่อมวลชนให้ติดตามคดีนี้ให้ด้วย

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame666

เลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วดูดีและอำพรางหุ่น

ในปัจจุบันเรื่องสัดส่อนนั้นถือว่ามีผลต่อการช้ชีวิตประจำวันของหลายๆคนอย่างมาก เนื่องจากเสื้อผ้าที่ทำมาในปัจจุบันนี้นั้นมักจะเป็นเสื้อผ้าที่ต้องมีการโชว์สัดส่วนทั้งสิ้นจึงทำให้สำหรับคนที่ไม่ได้มีสัดส่วนที่ดีมากนั้นมีความมั่นใจและไม่สามารถใส่ได้นั่นเอง ซึ่งจริงๆการสวมใส่เสื้อผ้านั้นเราสามารถที่จะสวมใส่ได้แต่อาจจะต้องมีการเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับรูปร่างและสัดส่วนของเราด้วยนั่นเองและในการลือกเสื้อผ้าที่เราอยากใส่นั้นก็อาจจะต้องอาศัยเทคนิคบางอย่างในการเลือกเพื่อที่จะทำให้เรานั้นดูดีและสามารถช่วยในการอำพรางหุ่นจากสัดส่วนเกินได้นั่นเอง

โดยการเลือกเสื้อผ้าที่สามารถอำพรางหุ่นได้นั้นไม่ได้เป็นการเลือกเฉพาะคนที่มีสัดส่วนส่วนเกินเท่านั้นแต่สำหรับคนที่ไม่มีสัดส่วนส่วนเกินนั้นมักก็จะใช้เคล็ดลับนี้ในการเลือกเสื้อผ้าอำพรางหุ่นถึงแม้ไม่มีสัดส่วนส่วนเกินแต่ก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้การใส่เสื้อผ้าให้ดูดีขึ้นนั่นเองและเคล็ดลับที่หลายๆคนมักจะใช้ในการอำพรางหุ่นก็คือการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นสีดำเพราะสีดำนั้นจะเป็นสีที่สามารถอพำรางหุ่นของเราได้เพราะสีดำเป็นสีที่เข้มทำให้เมื่อเราใส่ไปแล้วสีดำจะทำหน้าที่ในการบดบังส่วนเกินขิงเรานั่นเองแต่นอกจากการเลือกเสื้อผ้าที่มีสีดำจะสามารถช่วยในการทำให้เรานั้นดูดีและมั่นใจในสวมใส่เสื้อผ้าแล้วนั้นการเลือกชุดให้เหมาะสมกับตัวเรานั้นก็สำคัญเช่นกัน

การเลือกเสื้อผ้านอกจากสีที่มีความสำคัญอย่างมากแล้วนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับตัวเราบุคลิกของเรานั่นเอง เพราะถ้าหากต่อให้เรานั้นใส่ชุดที่มีการอำพรางหุ่นเราสักแค่ไหนแต่ชุดนั้นไม่ใช่สไตล์เราหรือไม่เกมาะกับเราก็จะทำให้เรานั้นเกิดความไม่มั่นใจต้อให้ชุดสวยแค่ไหนเมื่อไม่มีความมั่นใจบุคลิกความไม่มั่นใจนั้นจะแสดงออกมาทำให้เราดูไม่สวยนั่นเอง ดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมและเป็นตัวเราเป็นสิ่งที่จะสามารถทำให้เรานั้นมั่นใจและสวยที่สุดได้

การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับตัวเรานั้นเรื่องแรกคือเรื่องสไตล์เสื้อผ้าซึ่งความชอบก็จะแต่งต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลทำให้ทุกคนนั้ต้องเลือกเสื้อผ้าที่ตัวเองชอบและเสื้อผ้าที่ชอบต้องเป็นรูปทรงที่เหมาะกับสัดส่วนและร่างกายของเราด้วยนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากเรานั้นเป็นคนขาใหญ่แน่นอนว่าต่อให้เปนเสื้อผ้าที่มีสีดำแต่แรเสื้อผ้าที่มีการโชว์แขนนั่นก็หมายความว่าชุดนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้เรานั้นแขนเล็กลงนั่นเอง แต่การเลือกที่ถูกต้องสำหรับคนแขนใหญ่ก็คือการเลือกเสื้อผ้าที่ไม่มีการโชว์แขนและเป็นสีดำเป็นต้น

 

สนับสนุนโดย  bk8

บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องรีบทำ

ในโลกยุคปัจจุบันที่กลายเป็นโลกความเร็วสูงที่ทุกอย่างสื่อสารกันด้วยระบบออนไลน์ ทำให้ชีวิตและสังคมปัจจุบันช่างแตกต่างกับยุคสมัยก่อนเสียเหลือเกิน อะไรทุกๆอย่างต้องมีความเร็วสูงและต้องได้ให้ฉับไวในทันที

แต่บางครั้งชีวิตคนเราก็ลืมนึกถึงคำสุภาษิตสมัยก่อนไปว่า “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” ซึ่งเท่าที่สังเกตนั้น เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่มองว่าความช้า คือปัญหา ไม่งั้นไม่ทันกิน และไม่ทันคนอื่น มันเหมือนความพ่ายแพ้ และกดดันว่าทำไมตามคนอื่นเค้าไม่ทันเสียที ซึ่งเหมือนทุกคนกำลังต่างเสพติดความเร็วจนเกินไป ส่งไลน์ไปหาก็ต้องรีบตอบ

สั่งของกินก็ต้องรีบมาส่ง แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วนั้น ความช้ามันมีเสน่ห์ของมันอยู่ เพราะในชีวิตของคนเรานั้นบางอย่าง ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มที่จะช้า นั่นหมายความว่าเราเริ่มที่จะระวัง ยิ่งถ้าเป็น เส้นทางใหม่ๆ

ที่ยังไม่คุ้นเคย การได้ก้าวแบบค่อยเป็นค่อยไปนั้น ทำให้เรามั่นใจใจแต่ละระยะก้าว ดีกว่าที่วิ่งทะเล่อทะล่า เข้าไป ซึ่งอาจจะวิ่งเร็วกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายก็สะดุดล้ม จนคนที่เดินตามมาแอบหัวเราะเมื่อเดินผ่านไป และในชีวิตคนเรานั้นมีอยู่สามอย่างที่คุณควรจะช้า และไม่ควรรีบ

อย่างเพิ่งรีบไว้ใจใคร ซึ่งการไว้ใจใครสักคนนั้น มันควรจะต้องใช้เวลา ยิ่งกับใครสักคนที่คุณคิดว่าจะต้องสำคัญกับชีวิต ยิ่งต้องดูนานๆ  เราจะเชื่อใจและไว้ใจเขาตั้งแต่วันแรกที่พบนั้น มันเป็นไปได้ยาก เพราะความไว้ใจคือการสร้างสะพานที่เชื่อมทั้งสองฝั่งเข้าหากัน ดังนั้นมันต้องสร้างด้วยความอดทน สร้างด้วยเวลา และการทดสอบ เพื่อความไว้เนื้อเชื้อใจ

อย่าเพิ่งรีบตัดสินใครจากสิ่งที่เพิ่งเห็น เพราะทุกวันนี้คนที่เราเจอกันตอนนี้ ภาพที่เราเห็น มันเป็นแค่ช่วงหนึ่งในชีวิตของเค้า ดังนั้นคงจะไม่ดีเท่าไหร่ที่เราตัดสินทันทีว่าเค้าเป็นคนอย่างไร เพียงแค่เห็นได้ไม่นาน ดังนั้นควรจะใช้เวลาพิจารณาและคิดกันสักหน่อย เพราะวันเวลา และสถานที่ต่าง การกระทำนั้นก็ต่างออกไป 

อย่าเพิ่งรีบเข้าใจไปเองว่า เรารู้จักใครคนนั้นแล้ว เหมือนคำพูดที่กล่าวไว้ว่า วันเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ดังนั้นเรื่องนี้ ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน  บางครั้งคุณอาจจะคิดว่ารู้จักคนคนนี้ดีแล้ว แต่บางทีคุณอาจจะไม่รู้จักเค้าเลยก็ได้ ดังนั้น ควรจะต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของคนที่เราจะทำความรู้จักให้ดี ก่อนที่จะคิดว่าเรารู้จักเค้าดีพอแล้ว ลองถามตัวเองก่อนว่าเรารู้จักตัวเราดี

 

สนับสนุนโดย  bk8